ศาสนาซิกข์ได้กำหนดแนวทางที่เรียบง่ายในการดำรงชีพโดยพึ่งตัวเองแล้วขอพรเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าในการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น
  1. สวดภาวนารำลึกนามพระผู้เป็นเจ้าดุจรากฐานแห่งชีวิต เขาจะรำลึกนามพระผู้เป็นเจ้าในดวงใจของเขาขณะประกอบกิจกรรมทั่วไป จะไม่คิดที่จะพึ่งพาอาศัยโชคชะตาหรือความหวังที่เลื่อนลอย
  2. ประกอบสัมมาอาชีวะโดยสุจริตธรรม เขาจะไม่เอาเปรียบหรือฉวยโอกาสผู้ใดและไม่ยอมให้ผู้อื่นฉวยโอกาส เขาจะพิสูจน์การนำเสนอที่สร้างสรรค์และมีคุณค่าด้วยธุรกรรมที่ซื่อสัตย์ ถึงพร้อมด้วยความหมั่นขยัน การรักษาเก็บออม การเลี้ยงชีพที่ดี
  3. การรับใช้มนุษยชาติ ซิกข์จะแบ่งปันรายได้ของเขาจากการประกอบสัมมาอาชีวะแก่ผู้ยากไร้ขัดสนในสังคมและทนุถนอมส่งเสริมงานประชาสงเคราะห์แก่มวลมนุษย์ให้เขาสามารถพึ่งตัวเองเลี้ยงดูแลครอบครัวของตนในทางเศรษฐกิจได้อย่างถาวร

สอนให้มีความสันโดษ มีความรู้จักในการประมาณตนหรือมีความพอดีในการดำรงชีวิตของตนโดยการ
  • ยอมรับทรัพย์สมบัติตามที่หามาด้วยความขยันหมั่นเพียรของตน
  • ยอมรับฐานะและตำแหน่งการงานที่ได้รับตามความเหมาะสมปัญญาของตน
  • ยอมรับทุกสิ่งตามที่หามาด้วยความชอบธรรมและพระเมตตาของพระศาสดา
         พระมหาคัมภีร์ ศิรีคุรุครันถ์ซาฮิบ ทรงวางแนวปฏิบัติอย่างสมดุลระหว่าง การกระทำ (กรรม) การปฏิบัติธรรม ( ศรัทธา สวดภาวนา ) และ ปัญญา ( ความรู้ ) โดยหลักการคือ ศาสนาแห่งความศรัทธา และเสียสละ คือ
  • ร่างกาย – ประกอบสัมมาอาชีวะอย่างสุจริตธรรม เลี้ยงดู ดูแลครอบครัวและแบ่งปันช่วยเหลือผู้ยากไร้
  • จิต – รำลึก สวดภาวนาพระธรรม เป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า
  • ปัญญา – ศึกษาพระธรรม รู้แยกชั่ว ดี และรับใช้สังคม
พระศาสดาทรงดำรัสว่า“สาวกของพระผู้เป็นเจ้าไม่มีความปรารถนาในความหลุดพ้น เขาต้องการเพียงความรัก เมตตาของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ความสุขต่างๆในสวรรค์จะเทียบไม่ได้กับการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า จุดหมายสุดท้ายของมนุษย์คือการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์จะไม่กลายเป็นพระผู้เป็นเจ้า แต่จะเปรียบดุจประกายไฟที่รวมเข้ากับกองเพลิง นี่คือการเข้าใจสำนึกตัวเอง”

อ้างอิง  http://www.dra.go.th/ewtadmin/ewt/dra_buddha/main.php?filename=singh_4

ใส่ความเห็น